....

กาลามสูตร ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
1 อนุสสวะ 2 ปรัมปรา 3 อิติกิรา

4 ปิฏกสัมปทาน 5 ตักกะ 6 นยะ 7 อาการปริวิตักกะ
8 ทิฏฐินิชฌานักขันติ 9 ภัพพรูปตา 10 สมโณ โน ครูติ
pimpun15@gmail.com

คะแนนสะสม

บทที่ ๓ - คะแนนสะสม

ถ้าชีวิตคุณเป็นทุกข์ แปลว่าคุณกำลังมีคะแนนติดลบชั่วคราว
วิธีคิดคะแนนในเกมกรรม
เกมทั่วไปมักมีการสะสมคะแนนเป็นบวกขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วตัดสินแพ้ชนะกันตรงที่ใครได้คะแนนมากกว่าเมื่อหมดเวลาเล่น เช่นในเกมฟุตบอลพอหมดเวลาใครยิงประตูได้มากกว่ากัน หรือตัดสินกันตรงที่ใครได้คะแนนตามเป้าก่อนคู่แข่งขัน เช่นในเกมปิงปองข้างใดทำคะแนนถึง ๑๑ ก่อนก็ชนะไป
ส่วนเกมกรรมจะไม่ใช่เช่นนั้น นอกจากสะสมคะแนนบวกแล้ว ยังมีการสะสมคะแนนลบอีกด้วย คะแนนทั้งบวกและลบจะสั่งสมไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบเกมแล้วตัดสินรวบยอดเมื่อตายลงในชาติหนึ่งๆ ในระหว่างมีชีวิตแม้จะปรากฏร่องรอยการสั่งสมคะแนนบ้าง เช่นปกติมีสีหน้าหมองคล้ำ หรือมีรอยยิ้มที่บริสุทธิ์เบิกบานเป็นประจำ ก็ไม่ชัดเจนเท่าเมื่อธรรมชาติกรรมวิบากพิพากษายามขาดใจตาย เพราะใบหน้าทั้งหมดจะถูกปรับเปลี่ยน แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
สำหรับคะแนนบวกจะหมายถึงบุญ อันเป็นตัวบันดาลให้ใจเป็นสุข และบันดาลชีวิตให้เป็นไปในทางดี ส่วนคะแนนลบจะหมายถึงบาป อันเป็นตัวบันดาลให้ใจเป็นทุกข์ และบันดาลชีวิตให้เป็นไปในทางร้าย ขอให้เข้าใจว่าคะแนนบุญกับคะแนนบาปจะไม่นำมาหักลบกัน บุญให้ผลในทางดีส่วนหนึ่ง เป็นต่างหากจากที่บาปก็ให้ผลในทางร้ายอีกส่วนหนึ่ง เช่นชอบด่าคนสาดเสียเทเสียจนติดนิสัย ผลอาจทำให้ปากเบี้ยวไม่น่าดู แต่ตอนถวายทานแด่สมณะมีความเลื่อมใสในทาน มีความศรัทธาในผลของทาน ผลย่อมปรุงแต่งให้ผิวพรรณงดงาม สรุปออกมาชาติใหม่คือรูปร่างและผิวพรรณงดงามแต่เป็นคนปากเบี้ยว เป็นต้น
การเก็บคะแนนแต่ละแต้มนั้น วัดกันด้วยนิสัยที่ตั้งมั่นถาวรระดับหนึ่ง คือไม่ใช่แค่ทำความดีหนึ่งครั้งแล้วเก็บได้หนึ่งคะแนน และไม่ใช่ทำความชั่วหนึ่งครั้งแล้วถูกหักหนึ่งคะแนน คุณจะต้องทำดีอะไรอย่างหนึ่งเป็นปกติ จึงจะเพิ่มคะแนนบวกหนึ่งคะแนน และจะต้องทำชั่วอะไรสักอย่างเป็นประจำ จึงจะเพิ่มคะแนนลบหนึ่งคะแนน ส่วนการทำดีชั่วเพียงชั่วครู่ชั่วยามจะถูกนำไปเก็บในรูปของแต้มปลีกย่อยต่างหาก และไม่ถูกนำมาคิดคำนวณตัดสิน ‘แพ้ชนะ’ ยามเลิกเล่นเกมในแต่ละชาติจริงจังนัก

การตัดสินจากผลคะแนนรวม

คล้ายคุณเล่นเกมที่ทำแต้มแลกของรางวัล พอเล่นเสร็จก็จะมีคนตรวจดูว่าคุณได้กี่แต้ม แล้วเอาของรางวัลมามอบให้คุณตามเกณฑ์ ซึ่งอาจมีความสมน้ำสมเนื้อหรือบิดพลิ้วก็ขึ้นอยู่กับความยุติธรรมของกรรมการตัดสิน แต่สำหรับเกมกรรมนั้น พอเล่นเกมจบในแต่ละชีวิต ธรรมชาติจะพิจารณาอย่างเที่ยงธรรมว่าคุณมีแต้มบวกสมควรได้รับรางวัลเป็นอะไรบ้าง รวมทั้งดูด้วยว่าคุณมีแต้มลบสมควรได้รับบทลงโทษสักแค่ไหน
ในที่นี้เพื่อความเข้าใจง่ายและเห็นภาพรวมได้ชัด จะขอกล่าวเฉพาะสมบัติ ๑๐ ข้อที่ทุกคนต้องมีเมื่อเป็นมนุษย์ แต่ละข้อใช้เป็นเครื่องชี้ว่าเอาคะแนนเป็นบวกหรือเป็นลบมาแลก

๑) พ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ผู้ปกครองที่เลี้ยงดูคุณ เฉพาะที่มีอิทธิพลกับชีวิตตลอดจนความรู้สึกนึกคิดของคุณ หากคุณได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี มีการเอาใจใส่ ทำให้โตขึ้นมาด้วยความรู้สึกอบอุ่นมั่นคง ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากท่านหรือพวกท่านทำให้คุณโตขึ้นมาท่ามกลางความสับสน ว้าเหว่ และไม่มีฐานความรู้สึกที่มั่นคง ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากคุณรู้สึกว่าโตขึ้นมาด้วยการเลี้ยงดูแบบครึ่งดีครึ่งร้าย ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๒) เพศ คุณจะเป็นชายหรือหญิงไม่สำคัญ สำคัญที่คุณภูมิใจในเพศของตนเองหรือไม่ หากภูมิใจ ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากคุณมีปมทางเพศ ไม่ชอบเพศตนเอง อยากเป็นเพศอื่น ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากคุณไม่มีความภูมิใจ ขณะเดียวกันก็ไม่มีความเสียใจในเพศของตนเอง ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๓) รูปร่างหน้าตา ตลอดจนผิวพรรณ ถ้าปกติรู้สึกว่าเดินไปไหนมาไหนแล้วเด่นเกินใครเป็นประจำ ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากไปไหนมาไหนแล้วรู้สึกตลอดเวลาว่ามีปมด้อยเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากมีความรู้สึกประมาณไม่น้อยหน้าใคร ขณะเดียวกันก็ไม่เกินหน้าใคร ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๔) แก้วเสียง ขอให้นับเอาตอนพูดปกติ อย่าดูตอนร้องเพลงหรือพยายามดัดเสียงเฉพาะกิจ หากคุณภาพเสียงเป็นที่ยอมรับสำหรับตัวคุณเองและคนรอบข้าง ว่าเป็นกังวานน่าฟัง หรือมีอำนาจดึงดูดใจในทางดี ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากเสียงแหบแห้งไม่น่าฟัง หรือคุณได้ยินตัวเองเปล่งเสียงจากเครื่องบันทึกแล้วรู้สึกระคายโสต ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากน้ำเสียงของคุณฟังธรรมดา ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๕) สุขภาพ รวมทั้งกำลังวังชาที่จะทุ่มเททำงาน หากคุณรู้สึกว่าร่างกายโปร่งเบา เคลื่อนไหวได้กระฉับกระเฉงไม่ติดขัด ตลอดจนทำงานหนักได้เต็มที่โดยไม่เหนื่อยง่าย ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากคุณรู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง มีอวัยวะบกพร่องเป็นเหตุให้เคลื่อนไหวจำกัด หรือกระทั่งขี้เกียจเพียงเพราะเหตุผลตื้นๆคือร่างกายอ่อนแอ ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากสุขภาพของคุณอยู่ในระดับพอใช้ได้ ไม่เหนื่อยง่ายเกินไป แต่ก็ไม่เป็นเหตุให้กระตือรือร้นอยากใช้กำลังเยี่ยงนักกีฬา ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๖) ฐานะ ไม่ใช่วัดกันที่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร แต่วัดกันที่ความสบายใจ ความรู้สึกมั่นคงในทรัพย์สินและความสามารถใช้จ่ายตามจำเป็น อย่างน้อยซื้อหาปัจจัย ๔ คืออาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคได้ตลอดไม่ขาดสาย หากรู้สึกว่าคุณมีอำนาจจับจ่ายใช้สอยตามใจชอบได้เกินกว่าปัจจัย ๔ ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากคุณอึดอัดกลุ้มใจเกี่ยวกับการเงินที่ลุ่มๆดอนๆ ใช้จ่ายได้แบบกระเบียดกระเสียร หรือกระทั่งเดือดร้อนเรื่องปัจจัย ๔ ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากรู้สึกตึงๆ ไม่มีสำหรับฟุ่มเฟือย แต่มีรายได้เรื่อยๆเพียงพอสำหรับซื้อหาปัจจัย ๔ ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๗) ที่อยู่อาศัย คนรวยไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ที่ดี ลูกเศรษฐีบางคนต้องทนอยู่ในบ้านที่ใหญ่โตแต่ทึบทึม และเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมน่าอึดอัด บ้านที่ดีจะก่อความรู้สึกที่ดี และอยู่อาศัยด้วยความปลอดโปร่งสบายใจ เป็นจุดเริ่มต้นดีๆสำหรับชีวิตและการงาน หากคุณมีบ้านที่น่าอยู่ ชวนให้อยากกลับมามีความสุขที่บ้าน แม้ไม่กว้างขวางใหญ่โต ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากคุณมีบ้านที่ไม่ชวนให้อยากพัก ชวนให้อยากออกไปค้างคืนข้างนอก แม้กว้างขวางใหญ่โตโอ่อ่า ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากคุณไม่ถึงกับต้องฝืนใจอยู่ และไม่ถึงกับเจริญตาเจริญใจมากมาย ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๘) ครู ทุกคนต้องมีครู จะหลงลืมหรือระลึกได้ก็ตาม นับแต่ครูอนุบาลเป็นต้นมา บางคนก็มีพ่อแม่ที่บ้านเป็นครู หากใช้ใจของคุณรวมครูทุกคนที่มีอิทธิพลทางความคิดมาเป็นคนๆเดียว แล้วถามตัวเองว่าท่านทำให้คุณมีความรู้ มีความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือมองโลกในแง่ดีร้ายเพียงใด หากครูของคุณโน้มเอียงไปทางสอนให้ขวนขวายหาวิชาใส่ตัวและเป็นคนดีมีศีลธรรม ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากครูของคุณโน้มเอียงไปทางสอนให้ทุจริตคิดคดและเป็นคนเห็นแก่ตัวหมั่นเบียดเบียนคนอื่น ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากครูของคุณไม่โน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่งโดยเฉพาะ คุณมองโลกดีร้ายด้วยเหตุปัจจัยอื่นๆ ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๙) ความเฉลียวฉลาด หมายถึงความสามารถที่จะเรียนรู้และเข้าใจวิชาต่างๆ ตลอดจนกระทั่งความรวดเร็วในการพบวิธีแก้ปัญหา โลกนี้เต็มไปด้วยปัญหา ผู้แก้ปัญหาได้มากและได้ก่อนคือผู้ที่ฉลาดกว่า หากคุณฉลาดพอจะเอาตัวรอดและช่วยคนอื่นได้มาก ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากคุณฉลาดน้อยและต้องพึ่งพาผู้ฉลาดกว่าเพื่อแก้ปัญหาเสมอๆ ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากคุณเป็นฝ่ายแก้ปัญหาบ้าง เป็นฝ่ายพึ่งพาคนอื่นให้ช่วยแก้ปัญหาบ้าง ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ
๑๐) วิธีใช้สติคิดอ่าน หมายถึงวิธีคิด วิธีมอง ระดับความหนักแน่นคงเส้นคงวาของจิตใจ ตลอดจนความสามารถยับยั้งชั่งใจไม่ให้หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว หากสติและความรู้สึกนึกคิดของคุณทำให้คุณเป็นสุขและเอาตัวรอดได้ในเกือบทุกสถานการณ์ ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นบวกหนึ่ง หากสติและความรู้สึกนึกคิดของคุณลากคุณลงสู่ห้วงทุกข์ทั้งที่ไม่จำเป็น ก็ถือว่าได้คะแนนเป็นลบหนึ่ง แต่หากสติและความรู้สึกนึกคิดของคุณพาจนบ้าง ลากเข้าสู่มุมอับบ้าง สลับกับนำความสุขความเจริญบ้าง ส่องให้เห็นทางออกจากความมืดแปดด้านบ้าง ก็ถือว่าไม่ได้คะแนนทั้งบวกและลบ

จะเห็นว่าสมบัติแต่ละข้อล้วนก่อแนวโน้มว่าชีวิตคุณจะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ฉะนั้นเมื่อผสมผสานองค์ประกอบชีวิตเหล่านี้เข้าด้วยกัน ย่อมเป็นประมาณความสุขความทุกข์ที่เกิดประจักษ์กับใจ
๑) –๑๐ ถึง -๖ คะแนน แปลว่าคุณเสวยทุกข์มากที่สุดจากชีวิตมนุษย์
๒) -๕ ถึง -๑ คะแนน แปลว่าคุณเสวยทุกข์มากเอาการจากชีวิตมนุษย์
๓) ๐ แปลว่าคุณครึ่งสุขครึ่งทุกข์ แต่มีความโน้มเอียงที่จะเป็นทุกข์มากกว่าสุข
๔) ๑ ถึง ๕ คะแนน แปลว่าคุณเสวยสุขเป็นอันมากจากชีวิตมนุษย์
๕) ๖ ถึง ๑๐ คะแนน แปลว่าคุณเสวยสุขมากที่สุดจากชีวิตมนุษย์

บุญเป็นที่มาของความสุข ถ้าองค์ประกอบในชีวิตใครสร้างแนวโน้มที่จะทำให้เกิดสุขทางกายทางใจมาก ก็กล่าวได้ว่าเป็นคนมีบุญมาก สำหรับคนที่มีคะแนนต่ำ ก็ใช่จะแปลว่าคุณมีบุญน้อยเสมอไป เพราะบางคนช่วงเสวยอำนาจจากบุญเก่าแล้วหลงเหลิง เผลอทำบาปได้มาก ฉะนั้นเมื่อเกิดใหม่จึงอาจมีสมบัติที่สะท้อนให้เห็นคะแนนลบมากสักหน่อย
คะแนนรวมนี้ยังสะท้อนความจริงที่สำคัญ คือถ้าคุณติดลบมากๆ ก็จำเป็นต้องทำใจนิดหนึ่ง คุณจะต้องเพียรพยายามสร้างคะแนนบวกมากกว่าคนทั่วไป ชีวิตจึงจะดีขึ้นในทางสว่าง คุณต้องข่มใจเป็นอันมากที่จะไม่คิดมีชีวิตที่ดีขึ้นบนทางมืด และหากคุณมีคะแนนติดลบอยู่แล้ว แต่ยังทอดหุ่ยไม่คิดทำชีวิตให้ดีขึ้น ไม่รู้ทางสว่าง ไม่ขวนขวายปีนป่ายขึ้นจากก้นเหว ก็แปลว่าต้องเตรียมใจตกต่ำย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมอีก
ส่วนคนที่มีคะแนนสูงๆ ก็ไม่ได้แปลว่าคุณนอนใจได้ คุณเพียงกระหยิ่มใจได้มากหน่อยว่าถ้าคิดเอาดี คิดพัฒนาตนเอง ก็ย่อมเป็นเรื่องง่าย ติดขัดอุปสรรคน้อย เพราะคะแนนหนุนหลังจะช่วยส่งเสริมอย่างแข็งแรง แต่ที่สำคัญคือถ้าคุณชะล่าใจคิดว่าทำอะไรก็ได้ ความชะล่าจะลากจูงพฤติกรรมผิดๆ ตั้งแต่ผิดเล็กน้อยจนถึงผิดร้ายแรง สร้างคะแนนลบได้มากกว่าผู้มีทุนต่ำ นั่นเพราะคนเราบารมียิ่งมากยิ่งเปิดโอกาสให้ทำชั่วได้ใหญ่โตมโหฬาร เพียงวันเดียวคุณอาจทำคะแนนลบมากมายเสียจนทุนเดิมช่วยให้หลุดจากความหายนะไม่ได้เลย

บทต่อๆไปจะแสดงให้เห็นว่าทำอย่างไรจึงจะเพิ่มคะแนนบวกและลดคะแนนลบลงได้มากๆภายในชีวิตเดียว

www.dungtrin.com อนุญาตเผยแพร่สำหรับธรรมทานเท่านั้น ทีมงาน webmaster www.dungtrin.com ออกแบบเว็บไซต์ พุทธศักราช ๒๕๔๙

อุปกรณ์เล่นเกม

บทที่ ๒ - อุปกรณ์เล่นเกม

ยิ่งอุปกรณ์ซับซ้อนขึ้นเพียงใด เกมก็ยิ่งเล่นยากขึ้นเพียงนั้น
ใจ

ใจเป็นที่ตั้งของมโนกรรม มโนกรรมคือการกระทำที่เกิดขึ้นด้วยใจ ยังไม่ลงไม้ลงมือด้วยกาย
นอกจากเป็นที่ตั้งของมโนกรรมแล้ว โดยธรรมชาติของใจยังสามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ เช่นภาวะของตนเอง ทราบได้ด้วยตนเองว่าใจถูกดัดแปลงให้สว่างได้ด้วยเจตนาที่เป็นกุศล หรือปรับให้มืดลงด้วยเจตนาอันเป็นอกุศลก็ได้
เมื่อตั้งเจตนาเป็นกุศล เช่นจะช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความเดือดร้อน เรียกว่าทำกรรมขาว เพราะกรรมนั้นมีความสว่าง และปรุงแต่งจิตให้สว่าง สามารถรู้สึกได้ด้วยใจว่าทำกุศลกรรมแล้วเบิกบาน มีปีติโสมนัสนาน อยากยิ้มชื่นใจ หัวอกเบาโล่ง อบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยไร้กังวล ต่อให้ตกอยู่ในท่ามกลางอาวุธแวดล้อมก็ไม่นึกพรั่น เพราะใจบอกตนเองว่าถ้าต้องขาดใจตายเดี๋ยวนั้นก็มีอะไรดีๆรออยู่ มัจจุราชไม่น่ากลัวเกรงเอาเลย
แต่หากตั้งเจตนาเป็นอกุศล เช่นจะเบียดเบียนให้ผู้อื่นต้องเป็นทุกข์ ก็เรียกว่าทำกรรมดำ เพราะกรรมนั้นมีความมืด และปรุงแต่จิตให้มืด เหตุนี้จึงถือว่ากรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม สามารถรู้สึกได้ด้วยใจว่าทำอกุศลกรรมแล้วทึบแน่น แม้เกิดความอิ่มใจหรือสะใจบ้างก็หน่วงหนักอยู่ในอก และรู้สึกเหมือนตกอยู่ท่ามกลางภยันตราย น่ากังวลอย่างลึกลับแม้อยู่ในรถหุ้มเกราะกันกระสุนหนากี่หุนก็ตาม เพราะใจบอกตนเองว่าถ้าตายเดี๋ยวนั้นก็ต้องไปเป็นทุกข์หนักทันที มัจจุราชจะเป็นผู้มาเยือนที่น่าขนหัวลุกที่สุดในชีวิต
กรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน แม้จะลงมือกระทำทางกายเหมือนกัน แต่ถ้ามโนกรรมแตกต่างกัน ก็ให้ผลเป็นคนละเรื่อง ยกตัวอย่างเช่นหมอสองคนฉีดยาให้คนไข้เหมือนๆกัน แต่หมอคนหนึ่งเลือกยาที่รู้ว่าจะช่วยให้หายขาด ก็เรียกว่ามีมโนกรรมเป็นการช่วยเหลือ และทำหน้าที่ของหมอด้วยจิตวิญญาณของหมอ ส่วนหมออีกคนเลือกยาที่รู้ว่าจะบรรเทาอาการให้ลดลง แต่ต้องมาฉีดยาและจ่ายเงินเพิ่มอีกหลายหน ก็เรียกว่ามีมโนกรรมเป็นการขูดรีด ไม่ได้ทำหน้าที่ของหมอ จิตวิญญาณเป็นแค่พ่อค้ายาแก้ปวดผู้ไร้ความปรานีเท่านั้น
จิตใจเป็นหนึ่งในผลกรรมจากอดีตชาติ เช่นใจที่มีสำนึกแบบมนุษย์ย่อมเคยทำบุญมาจนรู้ผิดชอบชั่วดี รู้ว่าอะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล หากทำบาปไว้หนักๆ ไม่ใคร่จะได้ประกอบการบุญเอาเลย เช่นนี้กรรมจะตกแต่งให้ใจในชาติถัดมามืดมน รับรู้และแยกแยะยากว่าอะไรเป็นบุญ อะไรเป็นบาป
และการที่จิตใจเป็นเพียง ‘ผลผลิต’ จากกรรมในอดีต ก็ย่อมหมายความว่าจิตใจโดยความเป็นคุณอย่างนี้ไม่ได้มีอยู่ก่อนโดยเดิม คุณไม่สามารถอ้างว่าจิตในชาติที่แล้วเป็นอันเดียวกับจิตในชาตินี้ เนื่องจากจิตไม่ได้สร้างจิต แต่จิตถูกสร้างขึ้นด้วยกรรม หากกรรมเก่าของพวกเราดำกว่านี้ กรรมดำจะผลิตจิตแบบสัตว์นรก หรือจิตแบบเดรัจฉาน หรือจิตแบบเปรตขึ้นมาแทนจิตแบบมนุษย์
ฉะนั้นจึงไม่ผิดเสียทีเดียว หากคุณรู้สึกว่าตัวตนแบบที่เป็นคุณอยู่เดี๋ยวนี้ มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง เหตุเพราะคุณไม่เคยมีจิตซ้ำกันสักชาติ เริ่มชาติใหม่ทุกอย่างก็เหมือนตั้งต้นใหม่หมด ทั้งร่างกายที่ได้มาใหม่ด้วยการขอแบ่งเลือดเนื้อจากพ่อแม่คู่ปัจจุบัน และทั้งจิตที่กรรมเก่าส่งให้อุบัติในจังหวะเหมาะแก่การปฏิสนธิ จะมีก็แต่การสืบของกรรม ที่ยังไหลไปอย่างสืบเนื่องเหมือนสายน้ำ
คุณสมบัติของจิตเป็นสิ่งที่ดัดแปลงได้ด้วยกรรมในปัจจุบันชาติ และง่ายกว่าการดัดแปลงกายมาก อีกทั้งยังให้ผลกระทบต่อชีวิตอย่างชัดเจน ทั้งความสุขอันเป็นของภายใน และทั้งการฉายรัศมีรุ่งเรืองเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาภายนอก
ความเจิดจรัสของจิตเกิดขึ้นจากสติเป็นหลัก และสติก็มีทั้งที่ยืนอยู่บนความเห็นชอบกับที่ยืนอยู่บนความเห็นผิด ฉะนั้นแม้เป็นอาชญากรก็อาจมีรัศมีจิตเฉิดฉายน่าเกรงขามได้ ตราบเท่าที่จิตของเขาไม่หมกมุ่นกับเรื่องต่ำๆ และมีสติอยู่กับเนื้อกับตัว หรือมีสติอยู่กับความสำเร็จที่เขารู้สึกยินดี แต่อย่างไรความเจิดจรัสที่ยืนพื้นอยู่บนกรรมดำ ก็ย่อมไม่สดใสเย็นใจได้เหมือนความเจิดจรัสที่ยืนพื้นอยู่บนกรรมขาวอย่างแน่นอน
ความเจิดจรัสอันเกิดจากการใช้สติปัญญา ใช้ความคิดอ่านที่ชาญฉลาดไปในทางช่วยเหลือผู้คน เมื่อรวมกับรัศมีสว่างสะอาดอันเกิดจากการมีขันติ งดเว้นความประพฤติอันเบียดเบียนตนเบียดเบียนท่าน จะปรุงแต่งให้เกิดความรู้สึกดีๆ อบอุ่นใจอยู่กับตนเอง และเหนี่ยวนำคนใกล้ชิดให้เกิดความรู้สึกแบบเดียวกันด้วย

ปาก

เป็นสถานีที่ตั้งใหญ่ของวจีกรรม วจีกรรมคือการกระทำทางวาจา วาจาคือการถ่ายทอดภาษาออกมาเป็นคำๆ เช่น พูดข้อความที่เป็นจริงหรือเท็จ พูดคำที่สุภาพรื่นหูหรือหยาบคายระคายโสต
ปากในความหมายของการเป็นที่ตั้งแห่งวจีกรรมนั้น จะหมายรวมเอาอวัยวะทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการพูด เช่นแก้วเสียง ลิ้น เพดานปาก
ปากเป็นหนึ่งในผลกรรมจากอดีตชาติ ยิ่งปากสวยเข้ารูปเท่าไร ก็ยิ่งสะท้อนถึงวจีกรรมอันเป็นไปในทางมงคล หรือในทางสุจริตมากขึ้นเท่านั้น ตรงข้าม ถ้าปากยิ่งบิดเบี้ยวหรือมีรูโหว่น่าเกลียด ก็ยิ่งสะท้อนถึงวจีกรรมอันเป็นไปในทางอัปมงคล หรือในทางทุจริตมากขึ้นเท่านั้น
หากเคยเป็นผู้ประกอบแต่วจีสุจริต เช่นพูดเข้าข้างความจริง ไม่เข้าข้างใคร พูดสุภาพด้วยเจตนาให้ผู้ฟังเย็นใจ ไม่พูดหยาบคายหรือส่อเสียดนินทาให้รกหูใคร อย่างนี้แก้วเสียงจะใสเย็นเป็นกังวานชัด ลิ้นและเพดานปากเอื้อให้พูดได้คล่องถนัดตามธรรมชาติ แต่หากเป็นตรงข้าม พูดเท็จ พูดร้อนเป็นประจำ ก็ทำให้แก้วเสียงแหบแห้ง หรือลิ้นและเพดานปากก่อให้เกิดเสียงอู้อี้ไม่น่าฟัง

มือ

เป็นที่ตั้งใหญ่ของกายกรรม กายกรรมคือการกระทำทางกาย เช่นฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ลูบคลำสิ่งต้องห้าม หรือกระดกเหล้าเข้าปาก
นอกจากกระทำกายกรรมได้แล้ว มือยังอาจเป็นอุปกรณ์ทำวจีกรรมได้ด้วย เช่นจับปากกาดินสอนเขียนหนังสือ หรืออาศัยปลายนิ้วทั้งสิบกดแป้นพิมพ์ เพื่อสื่อคำพูดในหัวออกไปให้ผู้รับได้เข้าใจเนื้อสารที่ต้องการสื่อ
มือเป็นหนึ่งในผลกรรมจากอดีตชาติ เช่นหากเป็นชายที่เคยช่วยเหลือคนมามาก จะมีขนาดมือที่ใหญ่และนิ้วมือที่ยาวแบบสมส่วนกับร่างกาย และจะเป็นอวัยวะที่ก่อให้เกิดความรู้สึกกับใจเจ้าของ กระตุ้นให้อยากทำงานใหญ่ หรืออยากช่วยเหลือผู้อื่นด้วยมือตน แต่หากมีมือที่บอบบาง แม้เป็นชายก็มีแนวโน้มจะเป็นพวกงานหนักไม่เอา งานเบาไม่สู้ เป็นต้น

เท้า

เป็นที่ตั้งของกายกรรม แต่ก็อาจเป็นที่ตั้งของวจีกรรมได้สำหรับบางคนที่มีสภาพมือบกพร่อง คือหัดใช้เท้าแทนมือในการเขียน
เท้าเป็นอวัยวะที่ก่อให้เกิดการเดินทาง แต่ขณะเดียวกัน จากตำแหน่งที่ตั้งที่ต่ำสุดในร่างกาย ก็เหนี่ยวนำใจให้คิดไปในทางต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจะใช้อวัยวะส่วนนี้กับมนุษย์ด้วยกัน เช่นความรู้สึกเมื่อใช้มือผลักกับใช้เท้าถีบจะเป็นคนละเรื่อง พูดง่ายๆคือถ้าใช้เท้ากระทำกายกรรมกับผู้อื่น โอกาสที่จะเป็นอกุศลนั้นสูงกว่าโอกาสที่จะเป็นกุศล
เท้าเป็นหนึ่งในผลกรรมจากอดีตชาติ เช่นคนที่มีรูปเท้าไม่สมบูรณ์ เดินเหินไม่ถนัด มักเป็นพวกที่ไม่มั่นคงในกุศลธรรม ตั้งใจทำดีแล้วย่อหย่อน เนื่องจากเท้าเป็นที่ตั้ง ที่ยืน ที่ทรง หรืออีกนัยหนึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งการทรงอยู่ หากใจอ่อนให้กับกิเลสง่ายๆ รูปเท้าจึงมักจะเป็นเครื่องฟ้องในชาติถัดมา

หัว

เป็นที่ตั้งของกายกรรม เป็นของสูง เมื่อน้อมลงแทบเท้าอันเป็นส่วนต่ำสุดของผู้ใหญ่ ผู้มีพระคุณ หรือผู้ทรงศีลที่ศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง จึงหมายถึงการแสดงความเคารพขั้นสูงสุด หน้าผากที่จดลงกับพื้นคือขณะจิตที่มานะลดลงเหลือศูนย์
หัวเป็นหนึ่งในผลกรรมจากอดีตชาติ หากมีรูปมนงาม ก็สะท้อนถึงกรรมดีประเภทอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักให้ความเคารพด้วยการไหว้งามๆ ว่าง่ายอยู่ในโอวาทของผู้ทรงธรรม กับทั้งมีความประพฤติอยู่ในร่องในรอยของศีลสัตย์ไม่บกพร่องง่ายๆ

ตา

เป็นที่ตั้งของกายกรรม เพราะไม่ได้มีไว้ดูรูปอย่างเดียว แต่ยังเอาไว้ทอดมองผู้อื่นด้วยความเมตตา หรือเอาไว้จ้องหน้าให้ใครๆคร้ามกลัว นอกจากนั้นยังมีวิธีมองแบบตาไม่ตรงกับใจ ใจประสงค์ร้ายแต่เสแสร้งแกล้งมองอย่างมีไมตรี เป็นต้น ดวงตาเป็นที่แสดงออกของเมตตาจิตหรือจิตคิดแค้น ก่อให้เกิดความสบายใจหรือขุ่นใจแก่ผู้ถูกมองได้มากกว่าอวัยวะส่วนอื่นใด
นัยน์ตาเป็นหนึ่งในผลกรรมจากอดีตชาติ หากมีความงามหรือรูปลักษณะที่ดีน่าพึงใจ มักหมายถึงกรรมจากการทอดมองผู้อื่นด้วยเมตตาจิต หรือถ้านัยน์ตาเป็นประกายใสซึ้งและมีแววลึกมากๆ ก็อาจหมายถึงกรรมที่เคยมองพระพุทธรูปหรือสมณะด้วยแววเคารพเลื่อมใสเป็นล้นพ้น
นัยน์ตาคนส่วนใหญ่ไม่ถึงกับสวย และไม่ถึงกับแย่ เพราะเคยมองด้วยเมตตากับคนที่ตนรัก และมองด้วยโทสะกับคนที่ตนชัง หายากที่ระวังรักษาสายตาในการทอดมองให้เสมอกัน ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู

เครื่องเพศ

เครื่องเพศเป็นที่ตั้งของกายกรรม รวมทั้งเป็นอุปกรณ์ก่อกรรมและการรับผลกรรมอย่างใหญ่ สิ่งมีชีวิตใดแสดงเครื่องหมายทางเพศได้ ย่อมบ่งบอกว่าจิตยังผูกอยู่กับเรื่องทางเพศ ก่อกรรมและรับกรรมทางเพศแบบใดแบบหนึ่งได้เสมอ
เครื่องเพศเป็นของสงวน ดังนั้นเพียงมีใจสงวนรักษาหรือคิดหาญเปิดเผยไม่เลือก ก็ก่อให้เกิดมโนกรรมอย่างใหญ่ ที่โน้มเอียงไปในทางละอายหรือไม่ละอายต่อบาปได้แล้ว
เครื่องเพศเป็นหนึ่งในผลกรรมจากอดีตชาติ อวัยวะเพศชายสร้างความรู้สึกพื้นฐานของฝ่ายรุก ฝ่ายริเริ่ม ฝ่ายควบคุมจัดการ ดังนั้นจึงสะท้อนให้เห็นกรรมอันเป็นฝ่ายริเริ่มงานบุญ และควบคุมตนเองอยู่ในร่องรอยศีลธรรมได้ดี ส่วนอวัยวะเพศหญิงสร้างความรู้สึกพื้นฐานของฝ่ายรับ ฝ่ายติดตาม ฝ่ายรองรับการจัดการ ดังนั้นจึงสะท้อนให้เห็นกรรมอันเป็นฝ่ายสนองงานบุญที่ผู้อื่นริเริ่มไว้
อย่างไรก็ตาม เหตุให้เป็นหญิงชายนับว่าซับซ้อน ความติดใจในการเป็นหญิงก็นับว่าเพียงพอจะให้เกิดเป็นหญิงได้ ถึงแม้ว่าจะริเริ่มทำบุญและมีความหนักแน่นในศีลสัตย์ก็ตาม ความหนักแน่นในศีลสัตย์จะสะท้อนออกมาในรูปของเครื่องเพศที่น่าพิสมัยเกินธรรมดาแทนการยื่นออกมาเป็นเพศชาย
สำหรับความเป็นชาย อวัยวะเพศคือผลกรรมที่ตกแต่งให้เกิดปมเขื่องหรือปมด้อย มีผลกับความเชื่อมั่น และมีผลต่อพฤติกรรมทางเพศ ตลอดจนเป็นฐานความรู้สึกในช่วงวัยต้นๆ ว่าตัวตนที่ปรากฏในโลกยิ่งใหญ่หรือต่ำต้อย
อวัยวะเพศเล็กเกินควร สะท้อนถึงการเป็นผู้เคยทำงานใหญ่หรือตั้งใจมุ่งมั่นเอาชัยสำคัญ แต่ถอดใจ ขลาดกลัว แล้วหลบลี้หนีหายไป หรือเป็นพวกชอบเอาตัวรอด ห่วงแต่ตัวเองกระทั่งกล้าทิ้งครอบครัว ทิ้งพรรคพวก หรือกระทั่งขายชาติเพื่อประโยชน์สุขของตนตามลำพัง นอกจากนี้ยังมีส่วนของการผิดศีล หรือการหากินกับผู้หญิงประกอบอยู่ด้วย
อวัยวะเพศขนาดใหญ่เกินควร ชนิดที่มโหฬารน่าเกลียดนั้น เกิดจากกรรมที่ชอบโอ่อวด ชอบให้ใครต่อใครคิดว่าตนยิ่งใหญ่เกินจริง ทำดีหวังเอาหน้าเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าขนาดต้องหอบนักข่าวมาช่วยกันถ่ายทอดสดทั่วประเทศถึงจะยอมควักกระเป๋า อย่างนี้ชาติต่อมาก็ต้องเป็นเจ้าของสัดส่วนที่น่าขยาด ไม่ค่อยน่าภิรมย์นัก
และแม้อวัยวะเพศของทั้งชายหญิงจะสร้างความรู้สึกฝ่ายต่ำ นำมาใช้ด่าทอกัน ชวนให้นึกถึงกิจกรรมอันพึงละอาย แต่อย่างไรอวัยวะเพศก็เป็นต้นกำเนิดมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย จึงกล่าวได้ว่ามนุษย์และสัตว์มีกำเนิดจากความผูกพันทางเพศ และสมควรเจริญเติบโตขึ้นอยู่สูงเหนือเรื่องน่าละอายทางเพศ ไม่ใช่คิดถึงเรื่องเพศแต่ในเชิงความสนุกบันเทิงโดยไม่จำเป็นต้องไยดีเลือกหน้า

ส่วนอื่นๆของกาย

ทั้งตัวอาจใช้เป็นอุปกรณ์การมีเพศสัมพันธ์ และทั้งตัวอาจใช้เป็นอาวุธทำร้ายร่างกายผู้อื่น ขณะเดียวกันทั้งตัวก็อาจถูกทำร้ายโดยง่าย จึงกล่าวสรุปได้ว่าทุกชิ้นส่วนของร่างกายมนุษย์ล้วนเป็นอุปกรณ์ก่อกรรม เช่นสามารถเอาไหล่กระแทกทำลายประตู ขณะเดียวกันก็อาจถูกทุบไหล่ให้บาดเจ็บ เป็นต้น
อวัยวะทุกชิ้นเป็นส่วนหนึ่งของผลกรรมจากอดีตชาติ หากสมส่วนหรือดูพอดีที่ได้ตั้งอยู่ตรงจุดนั้นๆ ก็แปลว่าอวัยวะนั้นๆถูกตกแต่งด้วยบุญอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่หากมีความบกพร่อง ไม่สมส่วน หรือดูขัดกับอวัยวะโดยรอบ ก็สันนิษฐานได้ว่าอวัยวะนั้นๆถูกตกแต่งด้วยบาปอย่างใดอย่างหนึ่ง
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหมด เพราะทุกชิ้นส่วนในกายมนุษย์สะท้อนแสดงซึ่งกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ และมักเป็นกรรมที่ทำประจำ ไม่ค่อยเป็นกรรมที่ทำชั่วคราว กรรมที่ทำชั่วคราวแล้วก่อให้เกิดผลทางกายได้ มักเป็นกรรมที่ทำกับผู้ทรงคุณหรือบังเกิดผลใหญ่กับคนหมู่มาก ตัวอย่างเช่นถ้ามีโอกาสเอาศีรษะจรดลงแทบบาทพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งเพียงครั้งเดียว แล้วระลึกถึงอยู่เนืองๆด้วยความอิ่มอกอิ่มใจไปจนชั่วชีวิต เกิดชาติใหม่ย่อมเป็นผู้มีรูปศีรษะมนงามน่าชมยิ่ง
กล่าวโดยสรุปคือรูปกายเป็นอย่างไรก็ได้มาจากผลกรรมเก่า แต่ด้วยความไม่รู้และความหลงลืมอดีตกรรม ก็ทำให้คนเราหลงเข้าใจว่าได้มาโดยบังเอิญ ไม่จำเป็นต้องทำอะไร การเปิดใจรับรู้ความจริงเกี่ยวกับกรรมและผลที่ปรากฏออกมาทางรูปกายและลักษณะของจิตใจ จะนำไปสู่ความมีสติในอีกแบบหนึ่งในการเล่นเกมกรรมรอบนี้

ความเป็นอุปกรณ์เล่นเกมราคาแพงที่สุด

อุปกรณ์เล่นเกมกรรมของภพภูมิอื่นนั้น ไม่ค่อยได้ความนัก ขอแสดงพอสังเขปดังนี้
๑) ทุคติภูมิ กายใจของเหล่าสัตว์นรกถือกำเนิดขึ้นด้วยมหันตอกุศล เป็นไปเพื่อเสวยทุกข์เผ็ดร้อน กายใจของเหล่าสัตว์เดรัจฉานถือกำเนิดขึ้นด้วยมหาอกุศล เป็นไปเพื่อหมกจมอยู่กับสิ่งสกปรกและการตระเวนเหม่อลอย กายใจของเหล่าเปรตถือกำเนิดขึ้นด้วยอกุศล เป็นไปเพื่อความลุ่มๆดอนๆเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ รวมแล้วอุปกรณ์เล่นเกมกรรมในทุคติภูมิเป็นของชั้นเลว มีขึ้นเพื่อรับบทลงโทษเป็นหลัก
๒) สุคติภูมิ กายใจของทวยเทพยดาถือกำเนิดขึ้นด้วยมหากุศล เป็นไปเพื่อทิพยสุขและความรื่นเริงสำราญอันวิจิตร กายใจของพระพรหมถือกำเนิดขึ้นด้วยมหัคตกุศล เป็นไปเพื่อวิเวกสุขอันพ้นวิสัยกามและตั้งมั่นนาน รวมแล้วอุปกรณ์เล่นเกมกรรมในสุคติภูมิเป็นของชั้นดี มีขึ้นเพื่อรับการตกรางวัลเป็นหลัก
คราวนี้ย้อนกลับมาดูกายใจของมนุษย์เพื่อเปรียบเทียบบ้าง กายใจของมนุษย์อยู่ในขอบเขตของสุคติภูมิเช่นกัน เพราะสภาพแวดล้อมไม่เร่าร้อนเหมือนนรก ไม่สกปรกเหม็นหืนเหมือนที่อยู่เดรัจฉาน ไม่แปรปรวนเหมือนแหล่งเร่ร่อนของเปรต
กายใจมนุษย์แข็งแรงและมีความมั่นคงสม่ำเสมอ เพราะคุมรูปอยู่ด้วยปัจจัยอันคงเส้นคงวา ทั้งบุญเก่า ทั้งอาหารและอากาศใหม่ๆ ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลมประชุมกันด้วยสัดส่วนเหมาะสม จึงใช้งานได้นานพอควร อย่างน้อยก็ใช้พัฒนาจิตวิญญาณ สั่งสมบุญบารมี และหักเหเส้นทางกรรมได้ทัน ก่อนตัวอุปกรณ์จะถึงเวลาเสื่อมลง
เงื่อนไขการปรากฏมีปรากฏเป็นของอุปกรณ์เล่นเกมชิ้นนี้ ได้แก่
๑) ต้องบุญถึง เพราะถ้าบุญไม่ถึงวิญญาณก็มาเข้าท้องมนุษย์ไม่ได้ หรืออยู่ในท้องได้แต่ไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก หรือมีโอกาสลืมตาดูโลกแต่ก็ต้องตายเสียก่อนจะรู้ความ หรือรู้ความแล้วก็ตายเสียก่อนจะได้ทำกรรมดีแก้ตัว
๒) ต้องอาศัยท้องแม่เกิด แตกต่างจากสัตว์ในภพภูมิอื่นที่อาจฟักตัวจากไข่ หรือเกิดจากเถ้าไคลสกปรก หรืออุบัติขึ้นเต็มรูปโดยไม่ต้องอาศัยปัจจัยแวดล้อมช่วย
๓) กายต้องเริ่มจากเล็กไปใหญ่ เมื่อยังเล็กจึงต้องพึ่งพาคนอื่น ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากไม่มีใครช่วยก็ต้องตายไป
๔) ใจต้องเริ่มจากไม่รู้เป็นเรียนรู้ ทุกคนเริ่มต้นจากการไม่เข้าใจอะไรเลย พูดไม่เป็นภาษา และทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง แล้วค่อยๆถูกป้อนอาหารเป็นคำข้าว พร้อมกับถูกป้อนอาหารเป็นข้อมูลความรู้ เพื่อให้โตขึ้นเอาตัวรอดในสภาพของความเป็นมนุษย์

ด้วยเงื่อนไขต่างๆดังกล่าว มนุษย์จึงมีศักยภาพที่จะเอาชนะความไม่รู้ และถูกบีบบังคับให้ต้องเลือกตัดสินใจก่อกรรมประการต่างๆเพื่อความอยู่รอด เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่รู้จึงมีสิทธิ์ช่วยเหลือกันหรือเบียดเบียนกัน
๙ เดือนในท้องแม่เป็นช่วงเวลาของการลบความจำ การเกิดเป็นมนุษย์จึงล้างมลทินในชาติก่อนๆได้ระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ตั้งต้นชีวิตด้วยความสบายใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดกับการเคยเป็นคนชั่วช้า และไม่ต้องเสียดายอาลัยกับการเคยเสวยสุขล้นเหลือใดๆ มีแต่ต้องเดินหน้าเผชิญความจริงว่าจะเข้ามาในท่าดีท่าร้ายแบบไหน โดยมีสิทธิ์เลือกที่จะโต้ตอบอย่างไรก็ได้ เหมือนหรือต่างจากอดีตชาติแค่ไหนก็ได้
ในโลกมนุษย์เต็มไปด้วยที่ตั้งของการบำเพ็ญบุญ นับตั้งแต่ผู้มีพระคุณ บุคคลอนาถารอความช่วยเหลือ ตลอดจนผู้ทรงศีลซึ่งเป็นนาบุญอันเยี่ยม ความเกี่ยวข้องกับผู้คนทั้งหมดคือโอกาสให้ตั้งจิตทำบุญ ไม่ต่างจากเกมคอมพิวเตอร์ที่มีสารพัดวัตถุให้เก็บเกี่ยวไม่เลือก สุดแท้แต่ใครจะตาดีเห็นเอา
สภาพอันหยาบและตั้งมั่นของกายมนุษย์หล่อหลอมจิตใจให้แข็งแกร่งพอประมาณ ไม่บอบบางและอ่อนไหวกับทุกข์ง่ายเหมือนจิตของเทวดา กับทั้งมีโอกาสเผชิญทั้งทุกข์ทั้งสุขสลับกัน คล้ายแบ่งเอาครึ่งหนึ่งของทุคติภูมิมาทำให้ไม่เหลิงลอย และแบ่งเอาครึ่งหนึ่งของสุคติภูมิมาทำให้ไม่ซมเศร้าเกินไป ฉะนั้นโอกาสประจักษ์สัจจะความจริงของเกมกรรมจึงสูงกว่าภูมิเทวดาด้วย ซึ่งเมื่อประจักษ์ความจริงอย่างถึงใจแล้ว จะเลือกสร้างเหตุให้เล่นเกมต่ออย่างสนุก หรือจะเลือกยุติการเล่นเกมออกไปพักเหนื่อยถาวร ก็เป็นสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ของแต่ละคน
กายใจมนุษย์จึงเป็นอุปกรณ์เล่นเกมราคาแพง และถ้าคิดในแง่ความสามารถโกยคะแนน ก็ต้องนับว่าเป็นอุปกรณ์ราคาแพงสูงสุด ใครไม่รู้ความจริงนี้เท่ากับไก่ได้พลอยหรือลิงได้แก้ว

บทต่อๆไปจะแสดงให้เห็นว่าการเล่นเกมแต่ละครั้ง จะมีผลให้ได้มาซึ่งอุปกรณ์เล่นเกมที่ดีขึ้นหรือเลวลง
www.dungtrin.com อนุญาตเผยแพร่สำหรับธรรมทานเท่านั้น ทีมงาน webmaster www.dungtrin.com ออกแบบเว็บไซต์ พุทธศักราช ๒๕๔๙

เกมกรรม

บทที่ ๑ - เกมกรรม

คุณกำลังอยู่ในเกม จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

องค์ประกอบของเกม
ถ้ามองชีวิตทั้งหมดเป็นเกม ชีวิตจะปรากฏต่อคุณแตกต่างไปจากที่เคย อย่างน้อยที่สุดคุณอาจได้ตั้งคำถามขึ้นมาบ้าง ว่ามีวัตถุใดให้เลือกเก็บเพื่อเพิ่มคะแนน หรืออาจได้ตระหนักว่าหากปล่อยเวลาให้ผ่านไป สิ่งลึกลับที่ไล่ล่าทำร้ายคุณอยู่อาจตามทัน หรือหากคุณเดินหน้าช้าเกินไป เดี๋ยวจะไปไม่ทันเป้าหมาย เป็นต้น โดยสรุปคือเมื่อมองชีวิตเป็นเกม คุณคงเริ่มกระตือรือร้นสนใจกฎกติกาที่เป็นต่างหากจากกฎหมายบ้านเมืองขึ้นมาบ้าง
เมื่อตั้งใจมองชีวิตเป็นเกม ก็ต้องมีคำถามสามัญ เช่น
๑) ใครเป็นผู้เล่น?
๒) อุปกรณ์การเล่นคืออะไร?
๓) กติกาเป็นอย่างไร?
๔) แพ้ชนะแล้วได้อะไร?
๕) ใครเป็นผู้ตัดสิน?

มาไขคำถามแรกก่อน ผู้เล่นเกมในสายตาของคุณก็คือตัวคุณเอง คุณต้องเล่น ต้องเฝ้าชม และต้องรับผิดชอบตัวเอง คุณเล่นให้ตัวเองดูตลอดเวลา แม้ปลีกเวลาไปเฝ้าดู เฝ้าเพ่งโทษคนอื่นบ้างก็ได้แค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว
คำตอบสำหรับคำถามที่สอง อุปกรณ์การเล่นคือบุคคลและวัตถุทุกชิ้นที่อยู่บนโลก หมายความว่า คุณมีสิทธิ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับใครหรืออะไรก็ได้ แม้ไม่ใช่ด้วยการสัมผัสแตะต้องทางกาย ก็โดยการสัมผัสแตะต้องทางใจ เช่นคุณนึกด่าหรือคิดชมใครที่เขาไม่รู้จักคุณ คุณก็ได้ ‘กระทำ’ อะไรบางอย่างกับเขาไว้ด้วยใจเรียบร้อยแล้ว
คำตอบสำหรับคำถามที่สาม กติกาคือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เมื่อทำดีจิตจะเป็นบุญกุศล มีผลเป็นความสุขความเจริญ ส่วนเมื่อทำชั่วจิตจะเป็นบาปอกุศล มีผลเป็นความทุกข์ความเสื่อม หากผลไม่เกิดเร็วทันตาทันใจในปัจจุบัน อย่างช้าในอนาคตใกล้หรือไกลก็ต้องออกดอกออกผลแน่นอน และจากกติกาข้อนี้ สมควรที่เกมจะได้ชื่อว่า ‘เกมกรรม’ เพราะอะไรๆต้องดูเอาจากกรรมทั้งหมด
คำตอบสำหรับคำถามที่สี่ เมื่อแพ้เกม สิ่งที่คุณจะได้รับคือบทลงโทษ ถ้าขั้นหนักสุดคือถูกพักการเล่นเกมชั่วคราว โดนคุมขังอยู่ในที่คับแคบและเร่าร้อนด้วยความทรมานราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุด ส่วนถ้าชนะเกม สิ่งที่คุณจะได้รับคือการตกรางวัล ถ้าเยี่ยมสุดคือได้พักเหนื่อยชั่วคราว ไปอยู่ในที่กว้างขวางอย่างเป็นอิสระและเย็นสบาย ราวกับจงใจให้ลืมความเหนื่อยยากในการเล่นเกมเสียทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การพักชั่วคราวจะสิ้นสุดลงตามความควรแก่เหตุ คุณจะต้องกลับมาเล่นเกมใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คำตอบสำหรับคำถามสุดท้าย ธรรมชาติในตัวคุณเองเป็นผู้ตัดสิน เช่นเมื่อทำดีมากๆ ร่างกายของคุณเองจะสะท้อนความดีผ่านผิวพรรณที่งดงามผ่องใสจนใครๆอดไม่ได้ ต้องทักว่าไปทำอะไรมา เป็นต้น
ในเกมกรรมยังมีเกมย่อยอีกมากมายซ้อนๆกันอยู่ นับแต่เกมเด็กเล่น เกมกีฬา เกมคอมพิวเตอร์ เกมรัก เกมธุรกิจ เกมการเมือง เกมชีวิต ฯลฯ มนุษย์เราถูกล่อใจให้มัวแต่เล่นเกมอื่นกัน โดยไม่ตระหนักว่าทุกเกมเป็นเพียงองค์ประกอบของเกมกรรมทั้งสิ้น ขอแจกแจงเป็นตัวอย่างเช่นแม้เป็นเกมเด็กเล่น แต่ถ้าริอ่านโกงเพื่อน ก็จะเป็นความเคยนิสัยให้คิดเอาชนะด้วยกลเล่ห์เพทุบาย แต่ถ้ารู้จักเล่นเพื่อความสมานฉันท์ ก็จะเป็นความเคยนิสัยให้คิดอยู่ร่วมกับคนอื่นด้วยการมอบความบันเทิงเริงใจแก่กันและกัน ไม่คิดรังแก ไม่คิดกลั่นแกล้ง ไม่คิดคดโกงกัน
ในเกมกีฬา ผู้ชนะย่อมได้ชื่อว่าก่อเวร ส่วนผู้แพ้ย่อมนอนไม่หลับ (พุทธพจน์) การก่อเวรนับเป็นทางมาของการคิดสมน้ำหน้าและนึกทะนง บาปทางใจ บาปทางวาจา และบาปทางกายย่อมทยอยตามมาไม่ยาก แต่ถ้าใจผู้เล่นกีฬาไม่ผูกอยู่กับเรื่องแพ้ชนะ ก็ถือเป็นการร่วมมือกันทำบุญด้านการมีน้ำใจนักกีฬา รู้จักแพ้ด้วยความชื่นชมคู่ต่อสู้ รู้จักชนะด้วยการไม่ดูหมิ่นคู่แข่งขัน
สำหรับเกมคอมพิวเตอร์ ที่นับวันยิ่งเหมือนจริง และใส่เมล็ดพันธุ์ความโหดร้ายรุนแรงเข้าไปมากขึ้นทุกที ความสมจริงอันเลวร้ายย่อมก่อให้เกิดความคิดหฤโหดอย่างแน่วแน่และเป็นจริงเป็นจังมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถึงจุดหนึ่งเมื่อจิตถูกย้อมให้เห็นผิดเป็นชอบเต็มที่ ก็ย่อมพร้อมจะก่อบาปผ่านกายในโลกความจริงราวกับกำลังเล่นเกมคอมพิวเตอร์ก็ไม่ปาน แต่หากเล่นเกมสร้างสรรค์และเสริมสร้างสติให้เฉียบไวขึ้น ก็อาจนำไปสู่การเป็นผู้มีโอกาสทำบุญใหญ่อย่างชาญฉลาดหลายๆทาง
เกมรักที่ผู้ชนะเหมือนได้ทุกสิ่งในโลกไปครอง และผู้แพ้เหมือนสูญสิ้นทุกสิ่งแม้ลมหายใจเพื่อการมีชีวิตต่อ ย่อมก่อให้เกิดความผูกพันทางดีทางร้าย อาจเกื้อกูลหรืออาฆาต อาจกลับรักเป็นเกลียด อาจกลับเกลียดเป็นรัก แล้วทำบุญทำบาปร่วมกันตามวาระที่รักหรือเกลียด
ส่วนเกมธุรกิจที่ต้องห้ำหั่น แข่งขันเอาเป็นเอาตาย อาจนำไปสู่การคิดกำจัดคู่ต่อสู้ด้วยวิธีฆ่าฟันให้ตายจากโลก หรือสถานเบาคือกำจัดให้พ้นสนามแข่งเดียวกันด้วยความป่าเถื่อน แต่ก็มีบ้างที่เกมธุรกิจเปิดช่องให้มองหาลู่ทางทำประโยชน์แก่ผู้บริโภค ซึ่งก็จะจัดเป็นบุญใหญ่หากผู้บริโภคได้รับประโยชน์จริงตามความตั้งใจเริ่มแรก
ด้านเกมการเมืองอันเต็มไปด้วยผลประโยชน์ของกลุ่ม อำนาจล้นฟ้าในมือผู้นำ เงินทองกองภูเขา ตลอดจนชื่อเสียงและภาพลักษณ์น่าสนใจ จัดเป็นทางมาของบาปอกุศลนานัปการ แม้โกงกินก็อาจไม่รู้ตัวว่าโกงกิน แต่ขณะเดียวกันการเมืองการปกครอง ก็เป็นทางมาของบุญใหญ่อย่างยากจะหาเกมใดเสมอเหมือน เพราะเมื่อจิตคิดบริหารบ้านเมืองโดยมุ่งประโยชน์แก่ประชาชนในแผ่นดินอย่างแท้จริง เกมการเมืองก็ได้ชื่อว่าเป็นกำเนิดแห่งกุศลดวงใหญ่ปานพระอาทิตย์ทีเดียว
สำหรับเกมชีวิตที่ทุกคนนึกว่าเป็นเกมใหญ่สุด เพราะมองชีวิตโดยรวมว่าเป็นเกมเอาตัวรอด ก็ต้องคำนึงว่าวิธีเอาตัวรอดของแต่ละคนนั้น อาจไปเบียดเบียนใครบางคน รวมทั้งอาจต้องแกล้งลืมมโนธรรมที่ติดตัวมาแต่เกิด เพราะความอยู่รอดของตนและพวกพ้องต้องมาก่อนความถูกต้องชนิดไหนๆ ฉะนั้นเกมชีวิตที่มีแต่คำว่า ‘เอาตัวรอด’ ย่อมเป็นทางมาของบาปอกุศลเหนือเกมอื่นใด ในทางตรงข้าม หากคิดถึงความอยู่รอดของคนอื่นพอๆกันหรือมากกว่าความอยู่รอดของตัวเอง ก็ย่อมเป็นทางมาของบุญกุศลเหนือเกมอื่นใดด้วย

ความไม่รู้จักเกมกรรม

ถามว่าความผิดจากการเล่นเกมหนึ่งๆนั้นเกิดขึ้นจากอะไรได้บ้าง คำตอบหลักๆมีอยู่ ๓ ข้อคือ
๑) ตั้งใจผิดกติกา
๒) เผลอผิดกติกา
๓) ไม่รู้กฎกติกา

หากถามอีกว่าความผิดแบบใดในสามข้อข้างต้นถือว่าร้ายแรงที่สุด ประสามนุษย์ย่อมตอบว่าข้อแรกคือ ‘ตั้งใจผิดกติกา’ น่าจะเลวสุด แล้วตัดสินให้ข้อสุดท้ายคือ ‘ไม่รู้กฎกติกา’ น่าติเตียนน้อยกว่าเพื่อน แต่โดยการตัดสินของธรรมชาติแล้ว การไม่รู้กฎกติกามีความร้ายแรงที่สุด ทั้งนี้เพราะผู้ตั้งใจละเมิดกติกาอาจสำนึกผิด คิดเล่นตามกฎได้ใหม่ แต่ผู้ไม่รู้กระทั่งว่ากำลังเล่นเกมอยู่ และไม่รู้ว่ากติกาของเกมเป็นอย่างไร ย่อมไม่อาจทราบว่าควรหรือไม่ควรสำนึกผิด เมื่อรับรางวัลหรือถูกลงโทษก็งงๆว่าทำไมตนถึงต้องมีชะตากรรมที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างนั้น
เมื่อทุกคนถูกล่อใจให้เล่นเกมอื่นๆ โดยไม่ตระหนักว่ากำลังเล่นเกมกรรมอันเป็นเกมใหญ่สุด ผลคือทุกคนดีแต่กระเสือกกระสนเอาแพ้เอาชนะในเกมอื่น ทว่าสำหรับเกมกรรมกลับไม่สนใจ แม้ปีท้ายๆของชีวิตที่ใกล้หมดเวลาแข่งขัน ก็ไม่สนว่าจวนแพ้หรือจวนชนะเอาเลย

บทต่อๆไปจะแสดงข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณกำลังอยู่ในเกมกรรมจริงๆ รวมทั้งแนะแนววิธีเล่นเพื่อไปสู่ความมีชีวิตที่คิดไม่ถึงด้วย
www.dungtrin.com อนุญาตเผยแพร่สำหรับธรรมทานเท่านั้น ทีมงาน webmaster www.dungtrin.com ออกแบบเว็บไซต์ พุทธศักราช ๒๕๔๙